เป็นการคิดต่าง มองคนละมุม ยืนคนละฝั่ง เพราะสถานะและความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนทุกฝ่ายก็ล้วนเป็นคนไทยรักชาติ หวงแผ่นดิน คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเฉกเช่นกัน น่าดีใจและขอชื่นชมความพยายามของสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่ได้จัดเสวนาเปิดเวทีครั้งประวัติศาสตร์ “ถามตอบ ปัญหาพลังงานชาติ” ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี โดยให้ภาคส่วนต่าง ๆ และประชาชนที่สนใจมาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงาน โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ทำหน้าที่ควบคุมการเสวนาและนำตั้งคำถามให้กระทรวงพลังงาน ปตท. และผู้เกี่ยวข้องได้ตอบข้อสงสัยทุกประเด็นที่ค้างคาใจ
แม้บางช่วงเวลาบรรยากาศจะตึงเครียดราวอีกฝ่ายตกเป็นจำเลย มีการใช้สำนวนโวหาร วาทกรรม เสียดสี แต่เมื่อได้ทำความเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างอดทน อดกลั้น ยึดมั่นหลักเหตุและผล บรรยากาศก็คลี่คลายด้วยดี ไม่ปฏิเสธว่าหลายคำถามเป็นข้อสงสัย ประเด็นชวนคิดของสมาชิกกลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน มีความน่าสนใจ ขณะที่ฝ่าย ปตท.ได้ตอบข้อสงสัยให้ข้อมูลด้วยระยะเวลาที่จำกัดอย่างสุดความสามารถ เช่นเดียวกับข้อเสนอแนวคิดการปฏิรูปเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตพลังงานที่มีความหลากหลาย เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งบางประเด็นอาจขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริง ทำแล้วอาจแก้ปัญหาหนึ่งได้ แต่ก็อาจเกิดปัญหาอื่นตามมา
จะเห็นว่า ประเด็นถกเถียงกันส่วนใหญ่ จะมีความเกี่ยวพันกับ 1) กลไกการจัดการทรัพยากรพลังงานและปิโตร เลียม 2) แนวนโยบายของรัฐต่อบริษัท ปตท. 3) หลักธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมด้านพลังงาน 4) การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และ 5) การปฏิรูประบบพลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ซึ่งภายหลังการเสวนาคณะผู้จัดก็จะสรุปประเด็นต่าง ๆ เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาดำเนินการขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
เห็นด้วยอย่างยิ่ง หาก คสช.และรัฐบาล จะจัดเวทีสัญจรไปยังส่วนภูมิภาค ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจปัญหาพลัง งานอย่างถูกต้อง เพราะการให้ “คู่ขัดแย้ง” ได้มาพูดกันอย่างเปิดใจ ยึดหลักเหตุผล ละทิ้งธงของตัวเอง ปราศจากอคติ โดยมีคนกลางเป็นที่ยอมรับมาควบคุมการประชุม จะทำให้ความขัดแย้งสลายกลายเป็นความสร้างสรรค์ น่าสนใจยิ่งกับแนวคิดตั้งสภาพลังงานที่ประกอบด้วยทุกภาคส่วน แต่ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางด้านธุรกิจที่ต้องระมัดระวัง กระนั้นหากทุกคนทุกฝ่ายยึดเป้าหมายเดียวกันคือ ปฏิรูปพลังงานเพื่อไทยทุกคน ไม่ว่าเกิดปัญหาใดย่อมต้องมีทางออก
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/262616/ปฏิรูปพลังงานเพื่อไทยทุกคน 
ปฏิรูปพลังงานเพื่อไทยทุกคน
แม้บางช่วงเวลาบรรยากาศจะตึงเครียดราวอีกฝ่ายตกเป็นจำเลย มีการใช้สำนวนโวหาร วาทกรรม เสียดสี แต่เมื่อได้ทำความเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างอดทน อดกลั้น ยึดมั่นหลักเหตุและผล บรรยากาศก็คลี่คลายด้วยดี ไม่ปฏิเสธว่าหลายคำถามเป็นข้อสงสัย ประเด็นชวนคิดของสมาชิกกลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน มีความน่าสนใจ ขณะที่ฝ่าย ปตท.ได้ตอบข้อสงสัยให้ข้อมูลด้วยระยะเวลาที่จำกัดอย่างสุดความสามารถ เช่นเดียวกับข้อเสนอแนวคิดการปฏิรูปเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตพลังงานที่มีความหลากหลาย เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งบางประเด็นอาจขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริง ทำแล้วอาจแก้ปัญหาหนึ่งได้ แต่ก็อาจเกิดปัญหาอื่นตามมา
จะเห็นว่า ประเด็นถกเถียงกันส่วนใหญ่ จะมีความเกี่ยวพันกับ 1) กลไกการจัดการทรัพยากรพลังงานและปิโตร เลียม 2) แนวนโยบายของรัฐต่อบริษัท ปตท. 3) หลักธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมด้านพลังงาน 4) การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และ 5) การปฏิรูประบบพลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ซึ่งภายหลังการเสวนาคณะผู้จัดก็จะสรุปประเด็นต่าง ๆ เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาดำเนินการขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
เห็นด้วยอย่างยิ่ง หาก คสช.และรัฐบาล จะจัดเวทีสัญจรไปยังส่วนภูมิภาค ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจปัญหาพลัง งานอย่างถูกต้อง เพราะการให้ “คู่ขัดแย้ง” ได้มาพูดกันอย่างเปิดใจ ยึดหลักเหตุผล ละทิ้งธงของตัวเอง ปราศจากอคติ โดยมีคนกลางเป็นที่ยอมรับมาควบคุมการประชุม จะทำให้ความขัดแย้งสลายกลายเป็นความสร้างสรรค์ น่าสนใจยิ่งกับแนวคิดตั้งสภาพลังงานที่ประกอบด้วยทุกภาคส่วน แต่ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางด้านธุรกิจที่ต้องระมัดระวัง กระนั้นหากทุกคนทุกฝ่ายยึดเป้าหมายเดียวกันคือ ปฏิรูปพลังงานเพื่อไทยทุกคน ไม่ว่าเกิดปัญหาใดย่อมต้องมีทางออก
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/262616/ปฏิรูปพลังงานเพื่อไทยทุกคน